เทคโนโลยีไร้สาย
การสื่อสารไร้สายคือหนึ่งในวิธีการสื่อสาร (การเชื่อมต่อ) ระหว่างอุปกรณ์สองตัวหรือมากกว่าที่ดีที่สุด เทคโนโลยีนี้จะทำการสื่อสารและส่งข้อมูลแบบไร้สายโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น ความถี่วิทยุ อินฟราเรดและดาวเทียม แทนการใช้สายเคเบิล
การสื่อสารไร้สายจะทำงานในช่วงความถี่จำเพาะในช่วงแม่เหล็กไฟฟ้าตั้งแต่ 3 Hz ถึง 3000 GHz (3 THz) เรียกว่าคลื่นวิทยุ โดยมีการใช้งานทางด้านการคำนวณและการสื่อสารมากมาย ตั้งแต่อุปกรณ์มือถือในยุคที่ 3 จนถึงยุคที่ 5 (3G/4G/5G) การสื่อสารบรอดแบนด์ เครือข่าย WiFi ภายในบ้าน ระบบการสื่อสารระหว่างรถยนต์ (V2V) จนถึงเซนเซอร์ในตัวและการใช้งา นการระบุตัวตนด้วยความถี่วิทยุ (RFID) ไมโครเวฟ การบิน การเดินเรือ และบริการวิทยุทางพาณิชย์และส่วนตัวอื่นๆ
เนื่องจากความต้องการของวิธีการสื่อสารไร้สายต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด รวมถึงการพัฒนามาตรฐานการสื่อสารไร้สายทั่วโลกตามความต้องการเชิงพาณิชย์ เช่น การใช้งานจำเพาะและช่วงกา รส่งสัญญาณ เทคโนโลยีเหล่านี้จึงสามารถแบ่งออกได้เป็นสี่จำพวกใหญ่ๆ คือ เครือข่ายท้องถิ่นไร้สายส่วนตัว (WPAN) เครือข่ายท้องถิ่นไร้สาย (WLAN) เครือข่ายท้องถิ่นไร้สายในตัวเมือง (WMAN) เครือข่ายไร้สายบริเวณกว้าง (WWAN) ตามที่ชื่อบ่งบอก คุณสมบัติในเรื่องระยะการส่งสัญญาณและอัตราส่งข้อมูลของโซลูชันเหล่านี้จะถูกปรับให้เหมาะสมตามการใช้งานและครอบคลุมส่วนบุคคล ท้องถิ่น เมือง หรือแม้กระทั่งทั่วโลก
อ่าน เพิ่มเติมอัปเดตข่าวสาร
ติดตามทุกข้อมูลข่าวสารล่าสุดและข้อเสนอสุดพิเศษ!
สมัครเลย
ขอบคุณสำหรับการสมัคร
เรียบร้อย! ตอนนี้คุณได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพิเศษที่จะได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และแอปพลิเคชันส่งตรงถึงกล่องข้อความของคุณ
อุปกรณ์สำเร็จรูปของ เทคโนโลยีไร้สาย
วางเมาส์เหนือไอคอนด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
โมดูลการสื่อสาร
คอมพิวเตอร์แบบฝังตัว บอร์ดเพื่อการศึกษา และเมกเกอร์บอร์ด
คอมพิวเตอร์แบบฝังตัว บอร์ดเพื่อการศึกษา และเมกเกอร์บอร์ด
IC แบบไร้สายที่ใช้สารกึ่งตัวนำ
IC แบบไร้สายที่ใช้สารกึ่งตัวนำ
สำนักงาน คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย
สำนักงาน คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย
ชุดอุปกรณ์สำหรับพัฒนาไร้สาย
ชุดอุปกรณ์สำหรับพัฒนาไร้สาย
การสื่อสารไร้สายสำหรับอุตสาหกรรม
การสื่อสารไร้สายสำหรับอุตสาหกรรม
การทดสอบและการวัดผล
RFID
RFID (Radio Frequency Identification) ถือเป็นเทคโนโลยีในการระบุตัวตนอัตโนมัติซึ่งใช้สนามแม่เหล็กในคลื่นวิทยุเพื่อระบุสิ่งของ ที่ติดป้ายเมื่ออยู่ใกล้กับเครื่องอ่าน เทคโนโลยี RFID เป็นวิธีที่เรียบง่ายในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสองจุด ซึ่งก็คือเครื่องอ่าน/เครื่องเขียน และป้าย การสื่อสารนี้ช่วยให้ระบุข้อมูลหรือองค์ประกอบภายในป้ายได้ และทำให้จัดการกระบวนการได้ง่ายขึ้น
การใช้เทคโนโลยี RIFD ได้แพร่หลายในหลาย ๆ ด้านของสภาพแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น ด้านธุรกิจ การดูแลสุขภาพและการผลิต RFID เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตรวจสอบติดตามทรัพย์สิน และระบุสิ่งต่างๆ โดยใช้เสาอากาศราคาถูกที่ติดอยู่กับเป้าหมายได้ ใช้สำหรับระบุทุกอย่างตั้งแต่การติดแท็กของร้านค้าไปจนถึงการติดตามยานพาหนะและพัฒนาการจำหน่ายและการแชร์ข้อมูลในซัพพลายเชน และช่วยให้เข้าถึงการควบคุมในสถานการณ์ด้านความปลอดภัย
เช่นเดียวกับวิทยุที่ต้องปรับความถี่ให้เข้ากับช่องสัญญาณต่างๆ ป้าย RFID และเครื่องอ่านก็จะต้องปรับคลื่นความถี่ให้ตรงกันเพื่อทำการสื่อสาร RFID ใช้ความถี่วิทยุต่างๆ และมีป้ายหลายประเภทที่ใช้วิธีการสื่อสารที่แตกต่างกัน รวมถึงแหล่งจ่ายไฟด้วย ป้าย RFID มักมีชิปอิเล็กทรอ นิกส์พร้อมเสาอากาศเพื่อส่งข้อมูลไปยังเครื่องส่งสัญญาณ (หรือสถานีฐาน หรือที่รู้จักในชื่อ เครื่องอ่าน) การประกอบที่เรียกว่า Inlay จะถูกบรรจุเพื่อให้ทนต่อสภาพการใช้งานได้ ผลิตภัณฑ์สำเร็จจะถูกเรียกว่าป้าย ฉลาก หรือทรานสปอนเดอร์
RFID ถูกนับว่าเป็นอุปกรณ์ระยะสั้นที่ไม่กำหนดตายตัว สามารถใช้คลื่นความถี่ไม่ลงทะเบียนได้ ระยะการทำงานแตกต่างกัน ตั้งแต่ 1 - 12 เมตร ทื่ความเร็ว 640 kbps RFID ต้องเป็นไปตามข้อบังคับส่วนท้องถิ่น (ETSL, FCC ฯลฯ) ประเทศส่วนใหญ่ได้กำหนดความถี่ 125 ถึง 134 kHz ซึ่งเป็นช่วงคลื่นความถี่ต่ำสำหรับระบบ RFID โดยปกติแล้ว ระบบ RFID ความถี่สูงทั่วโลกจะใช้ความถี่ 13.56 MHz ระบบ UHF RFID จะใช้ความถี่ 433 และ 860-960 MHz ส่วน 2.45 / 5.8 GHz จะเป็นช่วงความถี่สูงพิเศษ
หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
NFC
การสื่อสารไร้สายระยะสั้น (NFC) อำนวยความสะดวกให้กับเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้น ระหว่างอุปกรณ์ที่สามารถใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เทคโนโลยีนี้ทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบไร้สัมผัสผ่านอุปกรณ์ที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัยทางการติดต่อแบบจุดผ่านจุดในระยะทางสั้นๆ NFC ใช้อัตราข้อมูลต่ำที่ความถี่ 13.56 MHz ของการสื่อสารไร้สาย NFC ที่ใช้เทคโนโลยี RFID เป็นพื้นฐานได้เสนอโปรโตคอลการระบุตัวกลางที่ย ืนยันความปลอดภัยในการย้ายข้อมูล มันช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมแบบไร้สัมผัส เข้าถึงเนื้อหาดิจิทัล และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยการสัมผัสหรือนำอุปกรณ์เหล่านั้นเข้ามาในระยะใกล้ แท็กที่ใช้ NFC ฝังอยู่ในบัตรเครดิต สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ และใช้ในการใช ้งานที่หลากหลาย เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสมาร์ทโฟนสองเครื่อง การชำระเงินแบบไร้สัมผัส บัตรขนส่ง การจัดการการเข้าถึงที่จอดรถ การออกตั๋วผ่านมือถือ การใช้งานทางการแพทย์ การติดตามผู้ป่วยไปจนถึงการติดตามทางชีวการแพทย์ การใช้งานการติดแท็กสินทรัพย์ และอื่นๆ อีกมากมาย
เทคโนโลยีนี้เกี่ยวข้องกับการใช้วิธีเหนี่ยวนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อส่งพลังงานระหว่างอุปกรณ์สองชิ้นผ่านการแชร์สนามแม่เหล็กร่วมกัน เมื่อแท็กถูกวางใ กล้กับเครื่องอ่าน คอยล์อากาศของเครื่องอ่านจะจับคู่กับคอยล์อากาศของแท็ก จากนั้นแรงดันไฟฟ้าจะถูกสร้างขึ้นภายในแท็ก ซึ่งจะถูกแปลงกระแสไฟฟ ้าสลับให้เป็นกระแสตรงและใช้เพื่อจ่ายพลังงานให้กับวงจรภายในของแท็ก เครื่องอ่านจะกำหนดพื้นที่เพื่อสื่อสารข้อมูลภายในแท็กนั้น วงจรแท็กจะเปลี ่ยนโหลดของคอยล์เพื่อส่งคืนข้อมูลไปยังเครื่องอ่านจากแท็กแม้ว่าเครื่องอ่านจะไม่ได้ปรับเปลี่ยนส่วนที่เหมือนเดิมก็ตาม เครื่องอ่านจะตรวจจับสิ่งนี้ได้เนื่อง จากการเชื่อมต่อร่วมกัน ฟังก์ชันนี้ถูกเรียกว่าโหลดโมดูเลชัน
อุปกรณ์ที่ติดตั้งชิป NFC มีสองประเภท: อุปกรณ์เริ่มต้น (พาสซีฟ) และ อุปกรณ์เป้าหมาย (แอคทีฟ) แท็ก NFC สามารถเป็นได้ทั้งแอคทีฟและพาสซีฟ อย่างไรก็ตาม เครื่องอ่าน NFC จะเป็นอุปกรณ์แอคทีฟเสมอ อุปกรณ์เหล่านี้ทำงานได้ทั้งในโหมดแอคทีฟ-พาสซีฟ หรือแอคทีฟ-แอคทีฟ (Peer-Peer) อุปกรณ์ NFC ทั้งสองมีพลังงานที่เป็นอิสระในโหมดแอคทีฟ-แอคทีฟ ในขณะที่ในโหมดแอคทีฟ-พาสซีฟ ตัวอุปกรณ์พาสซีฟจะดึงพลังงานจากคลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้าของอุปกรณ์แอคทีฟ โหมดพื้นฐานของการสื่อสารคือการสื่อสารสองทิศทางสลับกันใน NFC ในขณะที่อุปกรณ์ NFC หนึ่งเครื่องจะส่งสัญญาณและอีก หนึ่งเครื่องจะรับสัญญาณ
ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ NFC คือเทคโนโลยีปรับตัวให้เข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน RFID ที่มีอยู่ สมาร์ทการ์ดไร้สัมผัสและแท็ก RFID อุปกรณ์ NFC ที่รวมส่วนประกอบทั้งสองเข้าด้วยกัน: เครื่องอ่านแบบแอคทีฟและทรานสปอนเดอร์แบบพาสซีฟ สามารถอ่านและเขียนข้อมูลไปยังแท็กที่รับข้อมูล และส่งข้อมูลโดยตรงไปยังอุปกรณ์ NFC อื่น
หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บลูทูธ
บลูทูธคือมาตรฐานการสื่อสารแบบไร้สายโดยใช้ระบบคลื่นที่ออกแบบมาสำหรับการเชื่อมต่อระยะใกล้สำหรับอุปกรณ์พกพาส่วนตัว โดยจะกำหนดชุดการสื่อสารที่จะทำให้อุปกรณ์ตรวจพบกันเอง รวมทั้งแสดงบริการที่อุปกรณ์มี บลูทูธถูกใช้อย่างกว้างขวางใน WPAN (เครือข่ายพื้นที่ส่วนบุคคลไร้สาย) หรือที่เรียกว่าเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายระยะสั้น มาตรฐาน IEEE 802.15.1 จะระบุการทำงานและส ถาปัตยกรรมของอุปกรณ์บลูทูธ แต่การทำงานจะเกี่ยวข้องเฉพาะเลเยอร์ทางกายภาพและเลเยอร์เข้าใช้งานสื่อกลาง (MAC) เท่านั้น โปรโตคอลของเลเยอร์และการใช้งานเป็นไปตามมาตรฐานของ Bluetooth SIG การเข้าช่องสัญญาณจะใช้วิธี FHSS ที่มีอัตราส่งสัญญาณที่ 1 Mb/วินาที และมีการมอดูเลจแบบ Gaussian Shaped Frequency Shift Keying (GFSK)
อุปกรณ์ที่ใช้บลูทูธทุกเครื่องมีไมโครชิปขนาดเล็กที่สามารถส่งข้อมูและสัญญาณเสียงได้ อุปกรณ์หนึ่งเครื่องทำหน้าที่เป็นตัวหลักในการตั้งค่าทั่วไป และอีกหนึ่งหรือหลายเครื่องจะทำงานเป็นอุปกรณ์ลูก อุปกรณ์หลักจะใช้ซอฟต์แวร์จัดการลิงก์เพื่อมองหาอุปกรณ์บลูทูธอื่นๆ และสร้างลิงก์ที่รับและส่งข้อมูล ระบบบลูทูธประกอบด้วยสแต็กโปรโตคอล ตัวรับส่งสัญญาณ เบสแบนด์ และสามารถสร้างเครือข่ายขนาดกะทัดรัดด้วยอุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น ระบบสร้างเครือข่ายแ บบกระจายขนาดใหญ่ซึ่งประกอบไปด้วยเครือข่ายอิสระ Pico จำนวนมากและกลุ่มการเชื่อมต่อ Piconets ที่เรียกว่า Scatternet ระบบบลูทูธที่เรีย บง่ายประกอบด้วยเสาอากาศ ซอฟต์แวร์ การควบคุมลิงก์ และการจัดการลิงก์
อุปกรณ์บลูทูธจะใช้คลื่น 2.4 GHz ซึ่งเป็นช่วงคลื่นไม่ลงทะเบียนสำหรับอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และการแพทย์ (ISM) สำหรับสัญญาณวิทยุ และทำการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ได้ในระยะสูงสุดที่ 100 เมตร บลูทูธมีข้อดีหลักๆ คือความสามารถในการรองรับทั้งข้อมูลและการส่งสัญญาณเสียงได้พร้อมกัน ทำให้โซลูชันด้านนวัตกรรมต่างๆ เช่น ชุดแฮนด์ฟรีสำหรับโทรศัพท์มือถือ ความสามารถในการสั่งพิมพ์จากเครื่องแฟ็กซ์ และการซิงโครไนซ์แล็ปท็อป PDA อัตโนมัติ และการใช้งานสมุดที่อยู่ของโทรศัพท์มือถือเกิดขึ้นมาได้
ข้อกำหนดการใช้งานที่ได้รับความนิยมสูงสุดสองอย่างคือ Bluetooth Basic Rate หรือ Enhanced Data Rate (BR/EDR) ซึ่งตรวจสอบแล้วว่าเป็นเวอร์ชัน 2.0/2.1 และ บลูทูธพลังงานต่ำ (LE) ซึ่งตรวจสอบแล้วว่าเป็นเวอร์ชัน 4.0/4.1/4.2/5.0 บลทูธ BR/EDR สร้างการเชื่อมต่อไร้สายแบบต่อเนื่องในระยะสั้น อัตราข้อมูล EDR ของ 2-3Mbit เหมาะสำหรับการใช้งาน เช่น การสตรีมเสียง BLE เปิดให้การเชื่อมต่อวิทยุระยะไกลในช่วงสั้นๆ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานอินเ ตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง(IoT) บีคอนของบลูทูธถูกใช้สำหรับการระบุตำแหน่งในอาคาร การตรวจจับกิจกรรม และแอปพลิเคชันการตรวจจับในระยะใกล้ การใช้งาน BLE ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากอุตสาหกรรมต่างๆ ต่างนำไปใช้งาน เช่น โซลูชันติดตามสินทรัพย์ หน่วยงานผลิต ระบบกำหนดตำแหน่งการตรวจสอบสา มเส้าสามมิติโดยบีคอนที่ใช้ BLE
ZigBee
ZigBee เป็นโปรโตคอลมาตรฐานในการสื่อสารระดับโลกภายใต้ IEEE 802.15 ถูกสร้างขึ้นจากการควบคุมการเข้าถึงของสื่อและชั้นกายภาพท ี่กำหนดไว้ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.4 สำหรับ WPAN ที่มีอัตราต่ำ มาตรฐานเครือข่ายไร้สายมีจุดมุ่งหมายในการสอดส่องและควบคุมแอปพลิเ คชันที่ต้องการระดับปริมาณข้อมูลค่อนข้างต่ำในระยะ 10-100 เมตร พร้อมกับเซ็นเซอร์ควบคุมระยะไกลที่ใช้พลังงานจากแบตเตอร์รี่ การใช้พลังงานต่ำมีความสำคัญ เซนเซอร์ การควบคุมแสง ความปลอดภัย และการใช้งานต่างๆ ภายใต้เทคโนโลยีนี้เหมาะสมสำหรับกา รทำงานในสถานที่ที่แยกออกไปและสภาพแวดล้อมที่มีคลื่นวิทยุรุนแรง ZDO (ZigBee Device Objects) ติดตามหน้าที่ของอุปกรณ์ จัดการคำร้องขอการเข้าร่วมเครือข่าย ความปลอดภัยของอุปกรณ์และการค้นพบ
ระบบถูกกำหนดให้ทำงานในคลื่นวิทยุที่ไม่ได้ลงทะเบียนหนึ่งในสามประเภทนี้ได้ คือ 2.4 GHz, 915 MHz และ 868 MHz ที่ 2.4 GHz อัตราข้อมูลสูงสุดคือ 250 kbps สำหรับ 915 MHz มาตรฐานการส่งข้อมูลสูงสุดมีอัตราที่ 40 kbps ในขณะที่ 868 MHz รองรับการส่งสัญญาณที่ 20 kbps มีโทโพโลยีเครือข่ายที่ต่างกันสามประเภทที่ ZigBee รองรับ ซึ่งได้แก่ โทโพโลยีรูปดาว ตาข่าย และผังต้นไม้ หรือเครือข่ายผสม ข้อได้เปรียบต่างๆ ของโปรโตคอล ZigBee รวมถึงความน่าเชื่อถือ การปรับขนาด และความสามารถใน การซ่อมแซมเครือข่ายด้วยตัวเอง
ZigBee PRO คืออีกเวอร์ชันหนึ่งของ ZigBee ที่ขีดความสามารถสูงกว่า เช่น เทคนิคด้านเส้นทางส่งข้อมูล จุดกระโดดบนเครือข่าย จำนวนอุปกรณ์สูงสุด และความปลอดภัยทางเครือข่าย การนำ ZigBee PRO มาใช้ในฐานะเวอร์ชันที่สูงขึ้นจะช่วยให้มีขีดความสามาร ถเพิ่มเติมในการใช้งาน ในขณะที่คงความเรียบง่าย สแต็คต้นทุนต่ำและการบริโภคพลังงานต่ำสำหรับการใช้งานที่ไม่ต้องการความสามารถเพิ่มเติมได้
เทคโนโลยี ZigBee นั้นเรียบง่าย เชื่อถือได้ และรวดเร็ว เครือข่าย ZigBee จะสร้างเครือข่ายการจัดการตนเองและรองรับอุปกรณ์หลาย ๆ เครื่อง สามารถสร้างการสื่อสารหลายช่องทางและพบการใช้งานอย่างกว้างขวางใน M2M และ ในอุตสาหกรรม IoT เช่น สมาร์ทกริดแล ะระบบตรวจจับระยะไกลในพื้นที่อื่น ZigBee PRO คือ ZigBee เวอร์ชันที่มีขีดความสามารถที่ดีกว่า เช่น เทคนิคด้านการขนส่งข้อมูล ความปลอดภัยทางเครือข่าย และจุดกระโดดบนเครือข่าย การใช้ ZigBee PRO เวอร์ชันที่เพิ่มประสิทธิภาพแล้วจะมีขีดความสามารถของแอปพลิเคชันมากขึ้น
หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
WiFi
WiFi (Wireless Fidelity) คือชื่อเรียกทั่วไปสำหรับมาตรฐานการสื่อสาร IEEE 802.11 สำหรับ WLAN ใช้คลื่นวิทยุเพื่อให้บริการอินเตอ ร์เน็ตความเร็วสูงและการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายตามมาตรฐานของ IEEE 802.11 Wi-Fi คือเครื่องหมายการค้าของ WiFi Alliance ซึ่งบังคับให้ใช้คำว่า 'ได้รับการรับรอง WiFi' กับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบเพื่อใช้งานร่วมกันแล้วเท่านั้น
WiFi มีความเร็วที่มากกว่า ความปลอดภัยที่ดีกว่า และระยะไกลกว่าเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีไร้สายตามมาตรฐาน เทคโนโลยีไร้สายในพื้นที่อนุญา ตให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกศ์แลกเปลี่ยนข้อมูลหรือออนไลน์ได้โดยใช้คลื่นวิทยุ 5 GHz SHF ISM และ 2.4 GHz UHF อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใ หญ่ในปัจจุบันมีอินเทอร์เฟซ WiFi เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล คอนโซลวิดีโอเกม สมาร์ทโฟน และอื่นๆ การเชื่อมต่อเหล่านี้ไปยังทรัพยากรเครือข่าย (เช่น อินเทอร์เน็ต) ผ่านจุดที่ทำให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายไร้สายได้ จุดเชื่อมต่อดังกล่าว (เรียกกันโดยทั่วไปว่า ฮอตสปอต) มีระยะอยู่ที่ 20 เมตรด้านในอาคาร และมีระยะที่ไกลขึ้นเมื่ออยู่ด้านนอก เครือข่าย WiFi ทั้งหมดเป็นระบบ TDD ที่มีการแข่งขันกันเป็นศูนย์กลาง โดยมีสถานีมือถือและจุดเชื่อมต่อที่ต่างแข่งขันเพื่อใช้ช่องสัญญาณเดียวกัน
สัญญาณวิทยุคือกุญแจสำคัญที่ทำให้เครือข่าย WiFi เกิดขึ้นได้ ตัวรับสัญญาณ WiFi (เช่น โทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อป) จะเลือกสัญญาณวิทยุที่ส่งผ่ านมาจากเสาอากาศ WiFi ตัวรับสัญญาณจะมีการ์ด WiFi ติดตั้งอยู่ การ์ด WiFi จะอ่านสัญญาณและสร้างการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตระหว่างเครือข่ายและผู้ใช้
จุดเชื่อมต่ออย่างเราเตอร์และเสาอากาศคือแหล่งหลักของการส่งและรับคลื่นวิทยุ เสาอากาศที่แข็งแรงกว่ามีการส่งสัญญาณวิทยุที่ยาวกว่าและมีระยะประมาณ 300-500 ฟุต สิ่งเหล่านี้มีการใช้งานในพื้นที่กลางแจ้ง เราเตอร์ที่อ่อนแรงกว่าแต่มีประสิทธิภาพที่เหมาะสมในการใช้งานภายในอาคารที่มีการส่งสัญญาณวิทยุในระยะ 100-150 ฟุต ฮอตสปอต WiFi อาจสร้างขึ้นผ่านการติดตั้งจุดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จุดเชื่อมต่อทำงานเป็นสถานีฐาน อุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน WiFi จะเชื่อมต่อแบบไร้สายกับเครือข่า ยเมื่อพบกับฮอตสปอต
ความปลอดภัยคือปัญหาหลักของ WiFi แม้ว่าจะมีระบบเข้ารหัสที่ดีกว่า การเข้ารหัสเป็นสิ่งมีใน WiFi โดยเจตนา และมีการกำหนดวิธีที่แตกต่างกัน WEP สูญเสียความความเข้ากันได้เมื่อ WiFi Protected Access (WPA) เริ่มต้นเป็นส่วนหนึ่งของ 802.11i และถูกนำไปอัปเกรดผ่านเฟิร์มแวร์ WPA เวอร์ชันพื้นฐานมาพร้อมกับ Pre-Shared Keys (WPA-PSK) สิ่งนี้มีไว้สำหรับการใช้งานส่วนบุคคล ดังนั้น WPA จึงไม่จำเป็นต้องมีเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบ WPA Enterprise จำเป็นต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ Remote Authentication Dial-in User Service (RADIUS) และรองรับส่วนขยาย Extensible Authentication Protocol (EAP) จำนวนมาก
WPA2 ถูกยืนยันเป็นเวอร์ชันมาตรฐาน 802.11i จากปี 2004 เช่นเดียวกับ WPA แต่การรองรับของ WPA2 เป็นภาคบังคับสำหรับผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต้องได้รับการรองรับด้าน WiFi WPA3 ปรับปรุง WPA/WPA2 และใช้การเข้ารหัส 128 บิตและการเข้ารหัส 192 บิตในโหมดส่วนบุคคลและระดับองค์กร WPA3 ต่อยอด Forward Secrecy
หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เซลลูลาร์
การพัฒนาของเครือข่ายเคลื่อนที่นั้นเกิดขึ้นมาหลายยุคสมัยแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากทำการสื่อสารผ่านช่วงความถี่เดียวด้วยโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์ไร้สายคือสองตัวอย่างของอุปกรณ์ที่ใช้สัญญาณไร้สาย โดยปกติแล้ว โทรศัพท์มือถือจะมีเครือข่ายมากกว่าเพื่อใ ห้ครอบคลุมพื้นที่ใช้งาน ในขณะที่โทรศัพท์ไร้สายจะมีระยะการใช้งานจำกัด เช่นเดียวกับอุปกรณ์ GPS โทรศัพท์บางชนิดจะใช้สัญญาณดาวเท ียมเพื่อการสื่อสาร
WWAN คือการสื่อสารทางไกลโดยใช้ข้อมูลเครือข่ายมือถือได้ทุกที่ รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตด้วย WWAN ทำการเชื่อมต่อในบริเวณกว้าง เช่น เมืองหรือประเทศผ่านระบบดาวเทียมหลายชนิดหรือสถานีส่งสัญญาณที่ดูแลโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ระบบนี้รู้จักในชื่อ 2G (Second Generation) เครือข่ายเหล่านี้มีต้นทุนสูงในการติดตั้งเนื่องจากมีพื้นที่ครอบคลุมทางภูมิศาสตร์ที่กว้าง WWAN ใช้เครือข่ายมือถือทางโทรคมนาคมต่างๆ เช่น Long Term Evolution (LTE) GSM CDMA 2000 Cellular Digital Packet Data (CDPD) และ Mobitex เพื่อส่งข้อมูล
ระบบโทรคมนาคมเคลื่อนที่อเนกประสงค์ (UMTS) คือระบบของบริการสัญญาณเคลื่อนที่ในรุ่นที่ 3 (3G) ซึ่งมีการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงและข้อมูลในความเร็วสูง รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การใช้งานข้อมูลเคลื่อนที่ และเนื้อหาด้านมัลติมีเดียด้วย High Speed Downlink Packet Access (HSDPA) และ High Speed Uplink Packet Access (HSUPA) คือระบบมือถือในรุ่น 3.5 และ 3.75 ตามลำดับ HSDPA มีอัตราบิตที่ 2 Mbit/วินาที สำหรับดาวน์โหลด 384 kbit/วินาที สำหรับอัปโหลด ส่วน HSUPA ส่งข้อมูลอัปโหลดได้ที่อัตราบิต 1.45 Mbit/วินาที
เทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมเคลื่อนที่ 4G ทำให้โมเด็มไร้สายและสมาร์ทโฟน รวมถึงระบบเคลื่อนที่อื่นๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เคลื่อนที่ได้ ระบบ 4G นำเสนอบริการหลักที่ได้รับการปรับปรุง เช่น วิดีโอคอลแบบ HD แบทด์วิดท์ (BW) ที่สูงขึ้น ปริมาณข้อมูลที่สูง QoS ที่ดีขึ้น และการบริการสตรีมมิ่งเกมออนไลน์ มีความจุอยู่ที่ 40 MHz BW และตั้งความเร็วสูงสุดที่ต้องการไว้ที่ 100 Mbps
5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเซลลูลาร์มือถือที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ มีอัตราข้อมูลสูงและมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น รองรับสภาพแวดล้อมเสมือนจริงพร้อมด้วยการใช้งานเสียง/วิดีโอระดับอัลตร้า HD และความเร็วข้อมูลที่ 10 Gbps เพื่อต่อยอดบริการคลาวด์บนมือถือ 5G เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น CDMA (Code Division Multiple Access), WWWW (World Wide Wireless Web) และ BDMA (Beam Division Multiple Access) รองรับแบนด์วิดท์สองทิศทางขนาดใหญ่ที่มีอัตราข้อมูลที่ใหญ่กว่า 1.0 Gbps ด้วยคลื่นความถี่ที่เสนอตั้งแต่ 3 ไปจนถึง 300 GHz ผ่านการเชื่อมต่อที่แพร่หลาย การประมวลผลระบบคลาวด์และอินเทอร์เน็ตเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายหลัก ซึ่งให้บริการการสื่อสารที่น่าเชื่อถือและรวดเร็ว IoT การสื่อสารโฮโลกราฟิค อุปกรณ์ไร้สายที่สวมใส่ได้ การประมวลผลระบบคลาวด์ ความเป็นจริงเสมือน ความก้าวหน้าในด้านความปลอดภัยของธนาคารออนไลน์ ทีวีพกพาแบบ Full HD โทรเวชกรรม การโรมมิ่งทั่วโลก การสตรีมมิ่งวิดีโอแบบ Ultra HD และบริการด้านเกมออนไลน์อื่นๆ 5G ช่วยเพิ่มประสบการณ์ดิจิทัลผ่านการช่วยด้วยระบบอัตโนมัติ ML ความต้องการในการตอบสนองที่รวดเร็วกว่า (ยกตัวอย่างเช่น: รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเอง) ผลักดันให้เครือข่าย 5G พัฒนาระบบอัตโนมัติด้วย ML และในระยะยาวจะมี AI และการเรียนรู้เชิงลึก (DL)
คาดว่าเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย 6G จะมีความครอบคลุมไปทั่วโลก ความปลอดภัย การปรับปรุงประสิทธิภาพสเปกตรัม/พลังงาน/ต้นทุน และระดับสติปัญญาที่ดีขึ้น เครือข่าย 6G จะอาศัยเทคโนโลยีการตรวจสอบความถูกต้องตัวใหม่ เครือข่ายแยกส่วน การประมวลระบบคลาวด์/ฟ็อก/เอดจ์ และสถาปัตยกรรมแบบไร้เซลล์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าว สิ่งเดียวกันนี้อาจเสริมในเครือข่ายที่ไม่ได้ใช้ในภาคพื้นดิน เช่น เครือข่ายการสื่อสารดาวเทียมและโดรน (UAV) สิ่งนี้อาจส่งผลให้มีการรวมศูนย์เครือข่ายการสื่อสารในอวกาศ ทางอากาศ ภาคพื้นดินและพื้นทะเล ซึ่งรวมถึง Sub-6 GHz คลื่นระดับมิลลิเมตร (mmWave) เทราเฮิร์ต (THz) และคลื่นความถี่ออปติคัล
หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
SigFox
Sigfox ทำหน้าที่เหมือนผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่มีโซลูชันสำหรับการใช้งาน Internet of Things และ M2M ที่มีอัตราส่งข้อมูลต่ำตามต้องการ ระบบจะเชื่อมต่ออุปกรณ์ลูกข่ายโดยใช้เทคโนโลยีคลื่นช่วงแคบพิเศษ (Ultra Narrow Band - UNB) และทำงานในคลื่นที่ไม่ลงทะเบียน (ISM) Sigfox จะใช้วิธีการส่งสัญญาณวิทยุมาตรฐานซึ่งเรียกว่า Binary Phase-Shift Keying (BPSK)
มีวิธีการใช้งานต่างๆ มากมายที่ต้องใช้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายต้นทุนต่ำนี้ ระบบต้องการตัวรับวิทยุปลายทางที่ไม่แพง และสถานีฐานที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อจัดการเครือข่าย และมีเป้าหมายสำหรับการใช้งานที่มีอัตราข้อมูลต่ำเป็นหลัก ระบบต้องการเสาอากาศน้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเครือข่ายมือถือทั่วไป เช่น GSM/CDMA Sigfox มีโปรโตรคอลเฉพาะที่ใช้ทรัพยากรน้อยสำหรับรองรับข้อความสั้นๆ ด้วย การส่งข้อมูลที่น้อยลงทำให้การบริโภคพลังงานน้อยลงด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานขึ้น
การมอดูเลตคลื่นช่วงแคบพิเศษนั้น ทำให้ Sigfox ทำงานที่ความถี่ 200 kHz ซึ่งเป็นช่วงคลื่นไม่ลงทะเบียนและใช้งานได้แบบสาธารณะเพื่อส่งข้อความวิทยุแบบไร้สาย (868 ถึง 869 MHz และ 902 ถึง 928 MHz ขึ้นอยู่กับภูมิภาค) แต่ละข้อความจะกว้าง 100 Hz และส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 100 หรือ 600 บิตต่อวินาที ขึ้นอยู่กับภูมิภาค จึงสามารถส่งสัญญาณในระยะทางไกลได้และยังทนต่อสัญญาณรบกวนอีกด้วย การส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์และเครือข่ายเป็นแบบไม่ซิงโครไนซ์ อุปกรณ์จะแพร่ข้อความ 3 ครั้งใน 3 ย่านความถี่ (การกระโดดข้ามความถี่) สถานีฐานจะตรวจสอบสเปกตรัมและมองหาสัญญาณ UNB เพื่อดีมอดูเลต
ความหนาแน่นของเซลล์ในเครือข่าย Sigfox นั้นมีระยะเฉลี่ยอยู่ที่ 30 - 50 กม. ในเขตชนบท และระหว่าง 3 และ 10 กม. ในตัวเมืองที่มีสิ่งกีดขวางและสัญญาณรบกวนมากกว่า ระยะทางอาจสูงกว่าสำหรับโหนดภายนอกที่ SIGFOX สามารถส่งสัญญาณในแนวสายตาได้ ซึ่งอาจไกลถึง 1000 กม.
หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
LoRa
LoRa คือเทคโนโลยีไร้สายที่ได้รับการพัฒนาเพื่อทำการสื่อสารที่มีอัตราข้อมูลต่ำในระยะไกลโดยเซนเซอร์และแอคทูเอเตอร์สำหรับการใช้งาน M2M และ Internet of Things ระบบจะใช้สเปกตรัมวิทยุในช่วงคลื่นไม่ลงทะเบียนทางอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ และการแพทย์ (ISM) เพื่อทำการสื่อสารในบริเวณกว้างที่พลังงานต่ำระหว่างเซนเซอร์ระยะไกลและเกตเวย์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย โดยใช้เทคโนโลยีกระจายสเปกตรัมที่มีช่วงคลื่นกว้างกว่า สัญญาณมอดูเลตความถี่จะใช้เกนเข้ารหัสเพื่อเพิ่มความไวของตัวรับ
LoRaWAN คือโปรโตคอลโครงสร้าง LPWAN (เครือข่ายสื่อสารระยะไกลที่ใช้พลังงานต่ำ) ชนิดโอเพนซอร์สที่ใช้เทคโนโลยี LoRa ซึ่งพัฒนาโดย LoRa Alliance ที่ให้บริษัทอื่นสามารถสร้างเครือข่าย IoT ของตัวเองได้โดยใช้ข้อกำหนดของเทคโนโลยีนี้ แนวทางมาตรฐานสำหรับสร้าง LPWAN ช่วยให้ติดตั้งเครือข่าย IoT ทั้งแบบส่วนตัวและสาธารณะได้อย่างรวดเร็วในทุกที่โดยใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีความปลอดภัยทั้งสองทาง ใช้งานร่วมกันได้ และมีความคล่องตัว ซึ่งทำให้ตรงต่อความต้องการปลายทางและทำงานได้อย่างที่ต้องการ
เครือข่าย LoRa สามารถกำหนดให้มีการครอบคลุมในแบบเดียวกับเครือข่ายมือถือได้ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ให้บริการ LoRa จะเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่สามารถใช้ เสาสัญญาณที่มีอยู่เพื่อติดตั้งเสาอากาศ LoRa ได้ ในบางครั้ง เสาอากาศ LoRa อาจผสานรวมกับเสาอากาศเครือข่ายมือถือได้เนื่องจากมีความถี่ใกล้กัน การรวมเสาอากาศทั้งสองเข้าด้วยกันจะช่วยลดต้นทุนได้อย่างมาก คุณสมบัติของ LoRa คือระยะการครอบคลุมที่กว้างถึง 15-20 กิโลเมตร และสามารถเชื่อมต่อเข้ากับโหนดนับล้าน อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่นานกว่า 10 ปี การใช้งานเทคโนโลยีไร้สาย LoRa รวมถึงมิเตอร์อัจฉริยะ การติดตามสินค้าคงคลัง เครื่องขายสินค้า ข้อมูลและการตรวจสอบ อุตสาหกรรมยานยนต์ การใช้งานสาธารณูปโภคที่ต้องการการรายงานและควบคุมข้อมูล
หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
How-to
How GaN can boost wireless power transfer
Discover how Gallium Nitride (GaN) is revolutionizing wireless power transfer with unmatched efficiency and compact design, driving advancements in charger technology and 5G base stations. Explore GaN's superior heat management and higher electric field handling for next-gen power devices.
Article
Unlocking Keysight Instruments: A comprehensive approach to RF testing
Explore the power of RF measurement with Keysight's comprehensive suite of integrated instruments. From RF power sensors to Vector Network Analyzers, unlock precise and efficient testing across diverse industries.
Article
Analog Devices- Remote motion control for intelligent nodes
Discover how long-distance connectivity, intelligent edge devices, high-speed data transfer, and power delivery via ordinary twisted-pair cables transform industrial automation with 10BASE-T1L Ethernet. Sensor and actuator remote control in real-time shows advanced bidirectional communication in industrial environments.
Article
Collaborative robotics: How to integrate cobots in the workplace
Explore the future of industrial automation with collaborative robotics (cobots), enhancing efficiency, and safety, and facilitating seamless human-machine collaboration across industries for increased productivity and innovation.