การบำรุงรักษาและความปลอดภัย
การบำรุงรักษาและความปลอดภัยมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเก็บรักษาอุปกรณ์และโรงงานให้อยู่ในสภาพที่ทำงานได้
การบำรุงรักษาไม่เพียงแต่ช่วยให้โครงสร้างทางเทคนิคหรือประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทมีความมั่นคงเท่านั้น แต่การบำรุงรักษาเป็นประจำยังมีบทบาทสำคัญในการทำให้สภาวะการทำงานปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้นด้วย การขาดการบำรุงรักษาหรือการบำรุงรักษาที่ไม่เพียงพออาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงหรือปัญหาด้านสุขภาพได้
หน้าที่ของการบำรุงรักษานั้นพัฒนาจากการบำรุงรักษาตามความเป็นจริง ไปสู่การวางแผน และการบำรุงรักษาด้วยตนเอง การพัฒนาด้านเทคโนโลยีเซนเซอร์ในการทำงานร่วมกับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีเสมือนจริงและเสริมความเหมือนจริง (VR/AR) แพลตฟอร์มและการวิเคราะห์ที่ใช้คลาวด์ ช่วยให้แสดงข้อมูลในระดับประสิทธิภาพได้แบบเรียลไทม์ และยังแสดงแนวทางในการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์และกำหนดเวลาการบำรุงรักษาโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้อีกด้วย
ประเภทของการบำรุงรักษา
การบำรุงรักษาเชิงแก้ไข: การบำรุงรักษาเชิงแก้ไขนั้นมีหน้าที่ในการระบุ แยก และปรับปรุงแก้ไขความผิดพลาด เพื่อให้อุปกรณ์ เครื่องจักร หรือทรัพย์สินที่ชำรุดคืนสภาพและทำงานได้ดังเดิมภายใต้ความคลาดเคลื่อนและขีดจำกัดในการทำงานปกติ
อ่านต่ออัปเดตข่าวสาร
ติดตามทุกข้อมูลข่าวสารล่าสุดและข้อเสนอสุดพิเศษ!
สมัครเลย
ขอบคุณสำหรับการสมัคร
เรียบร้อย! ตอนนี้คุณได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพิเศษที่จะได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และแอปพลิเคชันส่งตรงถึงกล่องข้อความของคุณ
โครงสร้างพื้นฐานของการบำรุงรักษาและความปลอดภัย
วางเมาส์เหนือชื่อไอคอนด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
ความปลอดภัย
เครื่องมือและวัสดุในการผลิต
การทดสอบและการวัดผล
สารเคมีและสารยึดติด
การจับภาพความร้อน
การจับภาพความร้อนคือเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมา กล้องถ่ายภาพความร้อนในปัจจุบันมีราคาที่ไม่แพง พกพาและเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่ผ่านมา กล้องจับภาพความร้อนจะตรวจจับความรุนแรงของการแผ่รังสีในช่วงสเปกตรัมอินฟราเรดของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และเปลี่ยนให้เป็นภาพที่มองเห็นได้ การจับภาพความร้อนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการตรวจจับความแตกต่างของความร้อนชนิดไม่สัมผัส
กล้องถ่ายภาพความร้อนแตกต่างจากกล้องดิจิตอลทั่วๆ ไป เนื่องจากกล้องดิจิตอลจับภาพการสะท้อนแสงของวัตถุ แต่กล้องความร้อนสร้างภาพขึ้นจากพลังงานอินฟราเรดหรือความร้อน กล้องถ่ายภาพความร้อนจะกำหนดสีตามความแตกต่างของอุณหภูมิที่วัดได้ ในกล้องจับภาพ “เชิงรังสี” พิกเซลของสีแต่ละพิกเซลบนจอภาพจะแสดงถึงอุณหภูมิในช่วงเฉพาะ กล้องถ่ายภาพความร้อนจะอ่านอุณหภูมิของวัตถุ และจะตรวจจับพื้นผิวที่ไม่แผ่พลังงานความร้อนด้วยเช่นกัน สภาพการเปล่งรังสีคือคุณสมบัติของวัสดุที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการแผ่รังสีหรือความร้อนของวัตถุ
การจับภาพความร้อนมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในอุปกรณ์ทางไฟฟ้าและทางกล กระบวนการทางอุตสาหกรรม การวิเคราะห์อาคาร รวมถึงการวิจัยและพัฒนา เมื่อกล้องถ่ายภาพความร้อนพัฒนาขึ้น คุณสมบัติต่างๆ เช่นการโฟกัสอัตโนมัติและโฟกัสด้วยตนเอง แบตเตอรี่อัจฉริยะที่ชาร์จใหม่ได้ และรายละเอียดที่สูงขึ้นได้กลายเป็นเรื่องปกติไป นวัตกรรมด้านการทดสอบแบบไร้สาย ซอฟต์แวร์ การบันทึกข้อมูลและการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันของสมาร์ทโฟนทำให้การจับภาพความร้อนกลายเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการใช้งานด้านการซ่อมบำรุง
หากสามารถระบุสถานะของอุปกรณ์ก่อนเกิดเหตุขัดข้องใดๆ ได้ จะทำให้ดำเนินมาตรการแก้ไขได้ล่วงหน้าซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้น กล้องถ่ายภาพความร้อนคือตัวเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมในการคาดการณ์เหตุขัดข้อง เนื่องจากช่วยให้มองเห็นในสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้
กล้องถ่ายภาพความร้อนมีหลายชนิดให้เลือกใช้ ปัจจัยต่างๆ ที่ควรคำนึงถึงในการเลือกชนิดของกล้องที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ คือ การวัดเชิงรังสี ความไวต่อความร้อน (อุณหภูมิ) และความละเอียดของพิกเซล เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด (IR) มีความน่าเชื่อถือและมีประโยชน์อย่างยิ่งในการอ่านค่าอุณหภูมิในจุดเดียว แต่กล้องถ่ายภาพความร้อนเหมาะสมกว่าในการจับภาพความร้อนหรืออุปกรณ์ในบริเวณกว้าง การตรวจจับอุปกรณ์สำคัญที่ใกล้จะชำรุดและต้องการการซ่อมแซมนั้นเป็นเรื่องที่พลาดได้ง่ายมาก กล้องถ่ายภาพความร้อนจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับสิ่งนี้
การถ่ายภาพความร้อนเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาชีวิตได้อีกด้วย
หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
การทดสอบไฟฟ้า
การทดสอบไฟฟ้าคือกระบวนการตรวจสอบที่ครอบคลุมระบบไฟฟ้าในหลายๆ ด้าน เช่นการแพทย์ อุตสาหกรรม และยานยนต์ โดยจะใช้อุปกรณ์ทดสอบชนิดต่างๆ เช่นดิจิตอลมัลติมิเตอร์ CRO แคลมป์มิเตอร์ เครื่องทดสอบความเป็นฉนวน เป็นต้น อุปกรณ์ทดสอบเหล่านี้จะะใช้เพื่อทดสอบค่าทางไฟฟ้าต่างๆ เช่น แรงดัน AC / DC กระแสไฟฟ้า ความต้านทาน ความจุ ความถี่ ความต่อเนื่อง ความเป็นฉนวน เป็นต้น การทดสอบความเป็นฉนวนในระบบไฟฟ้าคือสิ่งที่ควรปฏิบัติเป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกไฟฟ้าดูดและรับประกันความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยลดการหยุดทำงานลง นอกจากนี้ยังช่วยตรวจสอบความเสื่อมสภาพของฉนวนและงานซ่อมแซม และช่วยให้กำหนดเวลาในการทำความสะอาดด้วยสุญญากาศ ไอน้ำ หรือพันขดลวดใหม่ได้ ความร้อนหรือความเย็นที่มากเกินไป รวมถึงความชื้น ไอกัดกร่อน น้ำมัน การสั่นสะเทือน การเสื่อมสภาพและสายไฟที่บิ่นคือสาเหตุหลักของฉนวนที่ชำรุด อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการตรวจสอบความเป็นฉนวนได้แก่ เม็กโอห์มมิเตอร์ เครื่องวัดอุณหภูมิ และเครื่องวัดความชื้น กระแสรวมภายในวัสดุหุ้มฉนวนคือผลรวมของประจุกระแสที่กักเก็บไว้ กระแสที่ดูดซับ และการรั่วไหลหรือกระแสนำ
การทดสอบไฟฟ้าจะช่วยยืนยันการทำงานที่ถูกต้องของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบ และช่วยทำให้สภาพแวดล้อมปลอดภัยจากความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น การกำหนดเวลาเพื่อบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าแบบคาดการณ์สามารถช่วยลดอุบัติเหตุ การสูญเสียชีวิต และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากอุปกรณ์ที่ชำรุดได้ สามารถระบุและแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาลุกลามที่สิ้นเปลืองทั้งเงินและเวลาในการแก้ไขปัญหา
การทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้าของอุปกรณ์ทดสอบต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้การทำงานที่ใช้ไฟฟ้ามีความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐาน มีหลายหน่วยงานที่ก่อตั้งข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับผลิตภัณฑ์ทางไฟฟ้าต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งผลิตภัณฑ์ทางไฟฟ้าทั้งหลายจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่หน่วยงานด้านความปลอดภัยและราชการได้กำหนดไว้ เช่น UL, CE, VDE, CSA, BSI, CCC เป็นต้น ผลิตภัณฑ์จะต้องผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย เช่น การทดสอบไฟฟ้าแรงดันสูง การทดสอบความต้านทานของฉนวน การทดสอบความต่อเนื่องของสายดิน และการทดสอบการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า เป็นต้น เราจะกล่าวถึงความเข้าใจผิดในการวัดทางไฟฟ้าด้วยมัลติมิเตอร์ เราไม่ควรเปลี่ยนฟิวส์ดั้งเดิมด้วยฟิวส์ที่ทำขึ้นในท้องถิ่นหรือรุ่นที่ถูกกว่า เนื่องจากอาจทำให้มาตรฐานความปลอดภัยของมัลติมิเตอร์เปลี่ยนแปลงได้ ควรใช้ฟิวส์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ไม่ควรใช้สายไฟหรือชิ้นโลหะเพื่อใช้ทดแทนฟิวส์ ควรใช้มัลติมิเตอร์ที่เหมาะสมตามประเภทของงานวัด
เครื่องมือทั่วไปและเครื่องมือกล
เครื่องมือทั่วไปหรือเครื่องมือกลมือถือนั้นมีหลากหลายชนิดตั้งแต่คีมหนีบ ไขควง คีมปอกสายไฟ ชุดกุญแจหกเหลี่ยมหรือแม้กระทั่งประแจ งานบำรุงรักษาและซ่อมแซมจำเป็นต้องใช้เครื่องมือทั่วไปและเครื่องมือกล การบำรุงรักษาและการใช้งานเครื่องมือที่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ตัวอย่างเช่น หากใช้สิ่วแทนไขควง ปลายสิ่วอาจแตกหักและกระเด็นถูกตัวผู้ใช้ได้ หากด้ามจับไม้ของเครื่องมือหลวม เช่นฆ้อน หัวฆ้อนอาจกระเด็นถูกตัวผู้ใช้ได้ ดังนั้น การใช้เครื่องมือทั่วไปจำเป็นจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เช่น ถุงมือ แว่นตา เพื่อป้องกันความอันตรายเหล่านี้ เครื่องมือกลมือถืออาจสร้างเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่สูงได้ ซึ่งถ้าหากไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันการได้ยินเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อตัวผู้ใช้ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันการได้ยินตลอดเวลาขณะที่ใช้เครื่องมือกลที่สร้างเสียงดังเกิน 85dB
เครื่องมือกลในประเภทนี้ส่วนใหญ่จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ในบางชนิดอาจใช้เครื่่องยนต์สันดาปภายในหรืออากาศอัด ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวของเครื่องมือกลที่ไม่ถูกห่อหุ้ม เช่นเพลา รอก เฟืองโซ่ และเฟืองจะต้องมีการป้องกัน เครื่องมือทั่วไปและเครื่องมือกลถูกใช้งานทั้งในอุตสาหกรรม การก่อสร้าง สวน หรืองานบ้านเช่นการทำอาหาร การทำความสะอาด แม้กระทั่งการขัน การเจาะ การตัด การขึ้นรูป การขัดผิว การเจียร การจัดเส้นทาง การขัดเงา การทาสี การให้ความร้อน และอื่นๆ อีกมากมาย
เครื่องมือกลสามารถแบ่งประเภทออกเป็นแบบติดอยู่กับที่หรือแบบพกพา ซึ่งเครื่องมือแบบพกพาคือเครื่องมือที่ใช้มือถือ เครื่องมือกลแบบพกพามีข้อได้เปรียบด้านความคล่องตัว แต่เครื่องมือกลแบบติดอยู่กับที่มีข้อได้เปรียบด้านความแม่นยำและความเร็ว เครื่องมือที่ใช้ไฟฟ้าและตั้งอยู่กับที่ซึ่งใช้สำหรับงานด้านโลหะ โดยทั่วไปเรียกว่าเครื่องมือกล
การป้องกัน ESD
ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์มีโอกาสได้รับความเสียหายจากการเกิด ESD แรงดันต่ำ ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากอาจเสียหายเมื่อเจอ ESD ที่ต่ำเพียง 10 โวลต์ ไม่ว่าจะใช้งาน จัดเก็บ ขนส่ง หรือติดตั้งส่วนประกอบที่ไวต่อไฟฟ้าสถิต คุณต้องมีวิธีป้องกันไม่ให้ ESD สร้างความเสียหายต่อส่วนประกอบที่ไวต่อไฟฟ้าสถิต ความเสียหายที่ ESD มีต่ออุปกรณ์นั้นมองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่าจึงไม่มีทางรู้เลยว่า ESD ได้สร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวเกิดขัดข้อง มาตรการป้องกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่าคุณ อุปกรณ์ และพื้นที่ทำงานมีสายดินที่จะป้องกันไม่ให้ ESD สร้างความเสียหายต่อส่วนประกอบและอุปกรณ์ที่ไวต่อไฟฟ้าสถิต
ความเสี่ยงที่จะเกิด ESD มีสองรูปแบบ
ข้อบกพร่องแฝง: ส่วนประกอบเสียหายบางส่วนแต่ยังผ่านการตรวจสอบ ส่วนประกอบนั้นจะยังคงทำงานได้ตามปกติ แต่อาจทำงานขัดข้องในภายหลัง ซึ่งอาจนำไปสู่การคืนสินค้าจำนวนมากขึ้น ต้นทุนการรับประกันสินค้าที่เพิ่มขึ้น และลูกค้าที่ไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
การทำงานล้มเหลว: พบได้โดยการตรวจสอบ อาจมีการดำเนินการเพื่อกำจัดอุปกรณ์ออกก่อนจะถูกติดตั้งหรือจำหน่าย
มาตรฐาน ESD
EN 61340 ส่วนที่ 5-1: การปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากไฟฟ้าสถิตเป็นมาตรฐานซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในบริษัทต่างๆ เมื่อออกแบบและใช้แผนควบคุม ESD เมื่อออกแบบแผนควบคุม ESD การดำเนินการต่อไปนี้เป็นสิ่งจำเป็น:
- ระบุพื้นที่ของ ESD
- ระบุอุปกรณ์ที่ไวต่อ ESD
- จัดการฝึกอบรมเกี่ยวกับการควบคุม ESD
วิธีป้องกัน
- ต่อสายดินให้กับสิ่งที่นำไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงตัวคุณเอง ตรวจสอบว่าสายรัดข้อมือและสายรัดเท้าใช้งานได้โดยการทดสอบทุกวัน
- ต่อสายไฟเข้ากับกราวด์ร่วมเพื่อต่ออุปกรณ์ลงดิน
- ต่อแผ่นยางปูพื้นป้องกันไฟฟ้าสถิตกับสายดินเพื่อต่ออุปกรณ์ลงดิน
- ทำให้ฉนวนมีศักย์เป็นกลางด้วยเครื่องกำจัดไฟฟ้าสถิตเนื่องจากต่อสายดินไม่ได้
- ป้องกันส่วนประกอบที่ไวต่อ ESD เมื่อจัดเก็บไว้นอกพื้นที่ป้องกัน ESD (EPA) ซึ่งอาจทำได้โดยการใช้ถุงป้องกันไฟฟ้าสถิตหรือกล่องนำไฟฟ้า
- เปลี่ยนอุปกรณ์ทั่วไปเป็นอุปกรณ์ ESD รวมไปถึงเสื้อผ้าและถุงมือ ESD, เทปป้องกันไฟฟ้าสถิต, สารเคลือบพื้นป้องกันไฟฟ้าสถิต และอุปกรณ์ ESD อื่นๆ ที่ใช้ในพื้นที่ทำงาน
ความปลอดภัย
ความปลอดภัยคือสถานะที่ป้องกันจากเหตุการที่เป็นอันตรายและไม่พึงประสงค์ ซึ่งสามารถนิยามเป็นการควบคุมความอันตรายที่ทราบและไม่ทราบ เหตุผลบางประการที่ควรให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในที่ทำงาน ได้แก่ การป้องกันการบาดเจ็บ การเสียชีวิต การสูญเสียทางการเงินขององค์กร ความเสียหายทางทรัพย์สิน บริการและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพในการผลิตของผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงชื่อเสียงขององค์กร มาตรฐานความปลอดภัยบางชนิด เช่น มาตรฐานและข้อกำหนดด้านความปลอดภัย สัญลักษณ์และป้ายความปลอดภัย มาตรฐานในการประเมินความเสี่ยงของเครื่องจักร มาตรฐานความปลอดภัยทางเสียง มาตรฐานการแต่งกายเพื่อความปลอดภัย มีไว้เพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และการทำงาน เครื่องจักรมีการควบคุมที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบควบคุมบางชนิดมาด้วย ในสหภาพยุโรปมีข้อกำหนดและกฎหมายด้านความปลอดภัยเพื่อเป็นแนวทางให้แก่ผู้ที่มีความกังวลถึงความปลอดภัยของเครื่องจักร
วงจรนิรภัยแบบไดนามิกและ PLC เพื่อความปลอดภัยรุ่นต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้แนวคิดที่เป็นนวัตกรรมด้านการควบคุมและการสอดส่องดูแลการป้องกันด้านความปลอดภัย อุปกรณ์เหล่านี้ประหยัดอินพุตโดยการใช้วงจรนิรภัยคู่แบบตัวนำเดี่ยวแทนชนิดตัวนำคู่ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ป้องกันอีกหลายชนิดที่สามารถเชื่อมต่อกับอินพุตเดียวกันเพื่อให้มีระดับความปลอดภัยสูงสุดได้ การใช้เซนเซอร์อิเล็กทรอนิกส์แทนเซนเซอร์เชิงกลยังช่วยให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้นและน่าเชื่อถือยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย รวมทั้งยังมีความปลอดภัยมากกว่าเนื่องจากเซนเซอร์นิรภัยแบบไดนามิกทำการตรวจสอบได้มากถึง 200 ครั้งต่อวินาที เมื่อใช้งานร่วมกับ PLC เพื่อความปลอดภัย จะสามารถเชื่อมต่อและตัดการเชื่อมต่อของเครื่องจักรเพื่อความปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย
ระบบนิรภัยอัจฉริยะแบบผสานรวมและระบบอัตโนมัติแบบผสานรวมสมัยใหม่ทำให้โรงงานมีความปลอดภัยมากขึ้นเนื่องจากมีฟังก์ชันนิรภัยในตัว ซึ่งตรวจสอบสภาวะที่เป็นอันตรายและเปิดใช้งานกลไกเพื่อป้องกันผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายได้ ระบบเหล่านี้ยังสามารถส่งข้อมูลด้านความปลอดภัยผ่านเครือข่ายแยกต่างหากเพื่อลดความซับซ้อนในการเดินสาย ต้นทุน และการฝึกอบรม และแสดงปัญหาได้ชัดเจน และมีความสามารถในการวิเคราะห์ระยะไกลอีกด้วย
เนื้อหาที่น่าสนใจ
how-to

Condition Monitoring (CM) with Infrared Cameras
Learn how to use Infrared Cameras (IR) for Condition Monitoring (CM)
Article

Industrial Smart Facility management
Smart Facilities Management (FM) is the integration of systems, processes, technology, and personnel to improve building facility management. It is about doing better with new techvnologies such as the Internet of Things (IoT), big data analytics, cloud-based systems, and advanced computerised maintenance management systems; it is about bringing multiple disciplines together to ensure the functionality, comfort, safety, and efficiency of the built environment system.
Article

Leak detection using industrial sensors for sustainable manufacturing
Read about computer-based leak detection systems that utilize different types of sensors to detect and prevent leaks.
Article

The role of Industrial Wearables in ensuring occupational safety
Highlights the significance of industrial wearables for enhancing safety & efficiency via IIoT & wireless technology.